“ฟาซาด” กันแดด พร้อมสร้างเอกลักษณ์และความสวยงามให้อาคาร

ฟาซาดคือเปลือกอาคารที่เพิ่มเสน่ห์ให้แก่อาคาร

หากสังเกตอาคารหรือตึกแถวในปัจจุบัน เรามักจะเห็นการตกแต่งภายนอกอาคาร ไม่ว่าจะเป็นระแนง กันสาด ซึ่งนอกจากจะเพิ่มความสวยงามและเสน่ห์ให้แก่อาคารแล้ว ยังช่วยกันแดดและเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้อีกด้วย สิ่งเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เรียกว่า “ฟาซาด” ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการออกแบบอาคาร

ฟาซาดคืออะไร ?

ฟาซาด (Façade) ในทางสถาปัตยกรรม หมายถึงส่วนภายนอกของอาคารที่มองเห็นได้ โดยเฉพาะด้านหน้าหรือด้านที่สำคัญ หรือที่บางคนเรียกว่า “เปลือกอาคาร” ฟาซาดจึงไม่ใช่แค่ส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือเป็นเพียงแค่ผนังธรรมดา แต่หมายถึงการออกแบบอาคารภายนอกโดยรวมทั้งหมด ซึ่งนอกจากความสวยงามแล้วยังมีฟังก์ชันต่าง ๆ ที่ช่วยระบายอากาศ และป้องกันความร้อนจากแสงแดดอีกด้วย

ฟาซาดจึงไม่ได้ทำหน้าที่เป็นเพียงแค่ “หน้ากาก” ของอาคารที่ประดับตกแต่งให้มีความสวยงามและน่าจดจำเพียงอย่างเดียว แต่ยังทำหน้าที่คอยปกป้องอาคารจากสิ่งแวดล้อม ทั้งแสงแดด ความร้อน และฝนอีกด้วย สถาปนิกจึงออกแบบฟาซาดให้สวยงาม สร้างเอกลักษณ์ และเพิ่มบุคลิกให้แก่ตัวอาคาร เพื่อสร้างการจดจำ แต่ในอีกมุมหนึ่ง ก็ออกแบบให้สามารถกันแสงแดดไม่ให้ตกกระทบไปที่ตัวอาคารโดยตรง รวมถึงให้อากาศไหลเวียนผ่าน ช่วยระบายอากาศและลดความร้อนภายในอาคารได้อีกด้วย

การออกแบบฟาซาดอาคารเพื่อป้องกันความร้อนจากแสงแดด

ประเทศไทยอยู่ในเขตภูมิอากาศร้อนชื้น ซึ่งมีแสงแดดทั้งปี ด้วยเหตุนี้ การดีไซน์ฟาซาดหรือหน้ากากของอาคารจึงต้องคำนึงถึงความร้อนที่จะเข้ามาในอาคาร โดยมีหลักการดีไซน์ที่สำคัญ ดังนี้ 

สร้างกันสาดหรือชายคาให้กว้างหรือยาวกว่าตัวอาคาร

การออกแบบให้มีกันสาดหรือชายคาที่ยื่นออกมาจากตัวอาคาร จะช่วยสร้างร่มเงาให้แก่ผนังและหน้าต่าง ป้องกันไม่ให้แสงแดดตกกระทบอาคารโดยตรง ช่วยลดความร้อนที่จะเข้าสู่ตัวอาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหากว่าเลือกวัสดุหลังคากันสาดที่มีคุณสมบัติช่วยกันความร้อน ก็จะยิ่งช่วยลดอุณหภูมิที่จะผ่านเข้ามาในอาคารได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยป้องกันน้ำฝนไม่ให้สาดเข้ามาในตัวอาคารโดยตรง ช่วยลดความชื้น ช่วยให้โครงสร้างบ้านมีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น 

ติดตั้งระแนงแนวตั้งและแนวนอน

การติดตั้งระแนงได้รับความนิยมในการออกแบบฟาซาด ซึ่งนอกจากความสวยงามแล้ว ยังช่วยกรองแสงและลดความร้อนที่ผ่านเข้ามาในตัวบ้านและอาคารได้เป็นอย่างดี 

การติดตั้งระแนงในปัจจุบัน นิยมติดตั้งในลักษณะแนวตั้งและแนวนอน โดยระแนงแนวตั้งนิยมติดในทิศตะวันตกและตะวันออกของตัวบ้าน เนื่องจากองศาที่แสงแดดส่องถึงไม่ส่องจากด้านบนมากนัก ส่วนระแนงแนวนอนนิยมติดตั้งในทิศเหนือและใต้ เพื่อป้องกันแสงที่ส่องมาจากด้านบนโดยตรง 

เพิ่มช่องลมบริเวณฟาซาด

การออกแบบให้มีช่องลมหรือช่องเปิดบริเวณฟาซาด จะช่วยให้อากาศถ่ายเทได้ดีตามธรรมชาติ เป็นการลดความร้อนสะสมภายในอาคาร และช่วยประหยัดพลังงานลดการใช้เครื่องปรับอากาศ นอกจากนี้ ยังช่วยสร้างความรู้สึกโปร่งโล่งและเชื่อมโยงกับสภาพแวดล้อมภายนอกได้ดียิ่งขึ้น

สำหรับเจ้าของบ้านและเจ้าของอาคารที่ต้องการให้ลมผ่านเข้ามาในบ้านได้ดี อาจจะปรึกษาสถาปนิก เพื่อดูทิศทางลมและออกแบบช่องลมบริเวณฟาซาดให้ไหลเวียนดียิ่งขึ้น

เลือกวัสดุที่โปร่ง กันความร้อน และสามารถระบายอากาศได้ดี

ควรเลือกวัสดุทำฟาซาดที่โปร่ง กันความร้อน และสามารถระบายอากาศได้ดี โดยแนะนำเป็นระแนงไม้ หรือหากต้องการความทนทานยิ่งขึ้น แนะนำเป็นระแนงเหล็กสีไม้ธรรมชาติ หรือแผ่นอะคริลิกที่มีคุณสมบัติในการกันความร้อน และสะท้อนรังสียูวีได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

เลือกนวัตกรรมที่ช่วยป้องกันความร้อน และมีความสวยงาม

ปัจจุบันมีนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ช่วยป้องกันความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น ระแนงอะคริลิกจาก Shinkolite Fin & Shade และ Shinkolite Link Facade ที่ช่วยป้องกันรังสียูวีได้สูงสุด 99% และช่วยลดความร้อนได้มากถึง 8 องศาเซลเซียส หรือวัสดุประเภทระแนงที่มีการนวัตกรรมสีเลียนแบบลายไม้ธรรมชาติ Aron Facade

สำหรับผู้ที่กำลังสนใจจะติดตั้งฟาซาดอาคาร ตึกแถว สามารถติดต่อ ROOVTECT มีบริการรับติดตั้ง Facade โดยทีมสถาปนิกและวิศวกรมืออาชีพ รับประกันโครงสร้าง 5 ปีและส่วนควบ 2 ปี สอบถามเพิ่มเติม โทร. 02-096-3464 หรือ LINE OA: @roovtect 

ข้อมูลอ้างอิง