การต่อเติมห้องทำงาน เป็นหนึ่งในการปรับปรุงบ้านที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการทำงานและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของคนทำงานได้อย่างคาดไม่ถึง โดยเฉพาะในยุคที่หลายคนทำงานจากที่บ้าน ห้องทำงานจึงมีความสำคัญมากขึ้น ซึ่งการออกแบบและต่อเติมห้องทำงานก็ต้องคำนึงถึงหลายปัจจัยเช่นเดียวกับพื้นที่อื่น ๆ ในบ้าน เพื่อให้ได้ห้องทำงานที่ใช้งานได้ดี สะดวกสบาย และมีบรรยากาศที่ช่วยในการสร้างสมาธิ เพื่อให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพไม่แพ้เวลาอยู่ออฟฟิศ
และนี่คือ 12 เช็กลิสต์สำคัญที่ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนต่อเติมบ้าน เพื่อให้พื้นที่ Work From Home ของคุณ เป็นพื้นที่ที่ Work ตรงใจได้อย่างแท้จริง
1. ทำเลที่ตั้ง ควรอยู่มุมที่เงียบสงบและห่างจากเสียงรบกวน
สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงในการต่อเติมห้องทำงาน คือห้องทำงานของคุณจะอยู่ตรงไหนดี ? แนะนำให้เลือกพื้นที่ที่มีความเงียบสงบ ห่างไกลจากพื้นที่ที่มีเสียงรบกวนอย่างห้องนั่งเล่นหรือห้องครัว เพื่อให้มีสมาธิและบรรยากาศเหมาะกับการทำงานมากที่สุด
2. ติดตั้งแสงไฟให้เพียงพอ และควรมีช่องแสงสำหรับแสงธรรมชาติด้วย
แสงไฟ เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยสร้างบรรยากาศในการทำงาน ควรเลือกใช้ไฟ LED สีขาวหรือสีเหลืองอ่อนเพื่อความสบายตา ป้องกันอาการปวดตาหรือเมื่อยล้าเมื่อต้องจ้องจอและอ่านเอกสารนาน ๆ ในขณะเดียวกันก็ต้องมีช่องให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาด้วย เพื่อช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายระหว่างทำงาน แต่ไม่ควรวางโต๊ะทำงานในตำแหน่งที่พระอาทิตย์ส่องถึงโดยตรง เพราะอาจทำให้เกิดความร้อนสะสมและแสงจ้าเกินไปได้
3. ระบายอากาศได้ดีด้วยหน้าต่างหรือพัดลมระบายอากาศ
ห้องทำงานต้องระบายอากาศได้ดีไม่แพ้บริเวณอื่น ๆ ของบ้าน นอกจากจะติดตั้งหน้าต่างที่สามารถเปิดระบายอากาศได้แล้ว พัดลมระบายอากาศก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้ดี ได้รับลมและอากาศบริสุทธิ์จากภายนอก สามารถนั่งทำงานได้โดยไม่รู้สึกอึดอัดในทุกฤดูกาล
4. วางแผนพื้นที่ใช้สอยและการจัดวางเฟอร์นิเจอร์อย่างมีประสิทธิภาพ
การต่อเติมห้องทำงานควรให้ความสำคัญกับการจัดวางเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้เป็นระเบียบตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ โดยเฉพาะเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่อย่างโต๊ะทำงานและเก้าอี้ ควรเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีความสะดวกในการใช้งาน ที่สำคัญพื้นที่ในห้องทำงานควรโปร่ง โล่ง สบายตา จึงต้องมีชั้นวางหนังสือหรือลิ้นชักสำหรับเก็บเอกสารให้เรียบร้อย
5. เลือกวัสดุปูพื้นและวัสดุตกแต่งที่ทนทาน ทำความสะอาดง่าย
วัสดุปูพื้นห้องทำงานต้องทนทานและทำความสะอาดง่าย ส่วนใหญ่จึงนิยมใช้พื้นไม้เทียมหรือกระเบื้องพอร์ซเลน รวมถึงควรเลือกสีและลวดลายที่เรียบง่าย เพื่อไม่ให้ห้องทำงานดูรกเกินไป ส่วนของตกแต่งอย่างรูปปั้น แจกัน กล่องใส่ของ ควรทำจากวัสดุที่สะท้อนแสงน้อย และอย่าลืมติดตั้งพรมกับผ้าม่านเพื่อช่วยดูดซับเสียงและเพิ่มความเป็นส่วนตัวด้วย
6. ติดตั้งเทคโนโลยีที่จำเป็นให้ครบถ้วน
เทคโนโลยีถือเป็นสิ่งจำเป็นในการต่อเติมห้องทำงานในยุคดิจิทัล เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและไร้รอยต่อในการทำงานแม้จะไม่ได้อยู่ในออฟฟิศ ซึ่งเทคโนโลยีที่ควรมี ได้แก่ อินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูง และระบบสมาร์ตโฮม ซึ่งสามารถวางแผนติดตั้งได้ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ
7. พิจารณาเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่รองรับสรีระได้ดี
ออฟฟิศซินโดรมกับวัยทำงานเป็นของคู่กัน เมื่อจะต่อเติมห้องทำงานที่บ้านทั้งที แนะนำให้เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ Ergonomics อย่างโต๊ะทำงานปรับระดับได้ หรือเก้าอี้ทำงานที่รองรับสรีระได้ดี จะช่วยลดอาการปวดเมื่อยจากการนั่งทำงานนาน ๆ ได้เป็นอย่างดี

8. วางแผนการตกแต่งให้เหมาะสมกับสไตล์บ้าน
แม้จะเป็นพื้นที่สำหรับทำงาน แต่การตกแต่งให้สวยงามและเข้ากับพื้นที่อื่นของบ้านก็เป็นสิ่งสำคัญ เช่น บ้านสไตล์โมเดิร์นควรเลือกใช้วัสดุที่สะอาดตาอย่างกระจกหรือเหล็ก แต่ถ้าบ้านสไตล์คลาสสิกอาจจะเหมาะกับไม้จริงและโทนสีที่ให้ความอบอุ่นมากกว่า รายละเอียดเล็ก ๆ เหล่านี้จะช่วยเพิ่มบรรยากาศและทำให้ห้องทำงานดูน่าใช้งานมากขึ้น
9. ควบคุมอุณหภูมิในห้องไม่ให้ร้อนอบอ้าวเกินไป
ห้องทำงานที่มีอุณหภูมิสูงเกินไปอาจทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าหรือทำงานได้ไม่เต็มที่ นอกจากจะติดตั้งเครื่องปรับอากาศและพัดลมแล้ว การพิจารณาเลือกวัสดุทำหลังคาที่มีคุณสมบัติกันความร้อน ป้องกันรังสี UV และช่วยลดอุณหภูมิภายในบ้าน อย่างวัสดุShinkolite หรือ Smart Vinyl ก็ช่วยป้องกันความร้อนได้อีกทางหนึ่ง
10. ใช้วัสดุกันซึมที่มีความทนทานสูง ป้องกันความชื้นและเชื้อรา
ห้องทำงานที่อยู่ใกล้พื้นที่ความชื้นสูง เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว หรือผนังสัมผัสกับอากาศภายนอก มีความเสี่ยงที่ความชื้นจะซึมผ่านผนังหรือพื้นเข้าไปในห้องได้ ทำให้เกิดรอยดำและเชื้อรา ส่งผลเสียต่อเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และสุขภาพ ดังนั้น การต่อเติมห้องทำงานจึงต้องใช้วัสดุกันซึมที่ทนทานและวางระบบการระบายน้ำที่เหมาะสม เพื่อป้องกันผลเสียระยะยาว
11. ตั้งงบประมาณและกำหนดค่าใช้จ่ายให้เหมาะสม
การตั้งงบประมาณในการต่อเติมห้องทำงานตั้งแต่เริ่มต้น จะช่วยให้คุณเลือกวัสดุและการตกแต่งได้อย่างเหมาะสม ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเกินความจำเป็น และยังคงได้ห้องทำงานตามสเปกที่ต้องการ ตอบโจทย์การใช้งานที่ตรงใจ ในราคาที่คุ้มค่ามากที่สุด
12. เลือกบริการรับเหมาต่อเติมบ้านที่เชื่อถือได้
สุดท้าย เลือกผู้รับเหมาที่มีประสบการณ์สูงและมีผลงานต่อเติมห้องทำงานที่ได้รับการยอมรับ โดยเฉพาะการออกแบบและการติดตั้งที่ต้องใช้ความชำนาญ เช่น การปรับโครงสร้าง ระบบไฟฟ้า และการระบายอากาศที่เหมาะสมกับการทำงานที่บ้าน มีบริการหลังการขายที่ได้มาตรฐาน ราคาโปร่งใส ลดความเสี่ยงจากปัญหากวนใจในอนาคต เช่น งานไม่เสร็จตรงเวลา การใช้วัสดุที่ไม่ตรงตามมาตรฐาน หรือการเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมโดยใช่เหตุ
หากคุณกำลังคิดจะต่อเติมห้องทำงานที่บ้าน เพื่อให้สะดวกและเหมาะกับการใช้งานในสายอาชีพของตนเอง ROOVTECT พร้อมให้บริการรับต่อเติมบ้านและห้องทำงานแบบครบวงจร ให้คำปรึกษาโดยสถาปนิกและวิศวกรผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการออกแบบและต่อเติมโดยเฉพาะ เพื่อให้คุณได้ห้องทำงานที่มีคุณภาพสูงและตอบโจทย์การใช้งานของคุณมากที่สุด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอคำปรึกษาเกี่ยวกับบริการรับเหมาต่อเติมบ้านได้ที่เบอร์ 02-096-3464 หรือ LINE: @roovtect
ข้อมูลอ้างอิง
ไอเดียจัดพื้นที่ทำงานในบ้าน Work From Home แบบมีประสิทธิภาพ. สืบค้นเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2568 จาก https://www.aware.co.th/it-jobs/th/design-your-perfect-wfh-environment/